tag:blogger.com,1999:blog-17585693514773266422024-02-20T18:12:35.824-08:00การคิดสังเคราะห์srisamoothttp://www.blogger.com/profile/03708273636827084385noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-1758569351477326642.post-79303274708418156862009-09-28T03:55:00.000-07:002009-09-28T04:10:04.214-07:00การคิดสังเคราะห์<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQctc_p-6LPkNMjk-Jjii9SZw0GCEhalWOJ4g6GozSq0vNvgFohy3KBpvkMLsZ-op7K-INveVugIvpKTyk8C2yromL2IAKQ0cI-tV_DTJaQkJerdzY548oY1ufmK42lpCDnl-a6Da4o_4/s1600-h/DSC05111.JPG"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; DISPLAY: block; HEIGHT: 240px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5386473706446561026" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQctc_p-6LPkNMjk-Jjii9SZw0GCEhalWOJ4g6GozSq0vNvgFohy3KBpvkMLsZ-op7K-INveVugIvpKTyk8C2yromL2IAKQ0cI-tV_DTJaQkJerdzY548oY1ufmK42lpCDnl-a6Da4o_4/s320/DSC05111.JPG" /></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgaOX_D6PF9i_KIfTCi-w9Y710TWlziVq9Mp5nKNcM2qJx8hOVvI_dMpvQ0yE25extye4VmiQP9bapR0w1NktvN3-RUZ-PqnKa-k_uawe1lcxb580KI21LXxdQEtWAi_OnhWpmud4VpHho/s1600-h/100_8981.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 263px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5386471693181512210" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgaOX_D6PF9i_KIfTCi-w9Y710TWlziVq9Mp5nKNcM2qJx8hOVvI_dMpvQ0yE25extye4VmiQP9bapR0w1NktvN3-RUZ-PqnKa-k_uawe1lcxb580KI21LXxdQEtWAi_OnhWpmud4VpHho/s320/100_8981.jpg" /></a><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh249eNWEnCFdFXANHasKX95_-0p9EIUBnMVu9yaNM69Ea3ri3I2XvQdoaEPlBMqVSC858hz-nSfsdayHuWYNfwOKV20PdGjWtyWrDouupcbKE8Y7d_hAcRBrg48B6YEiwAJTYkmYO9zpM/s1600-h/100_8982.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 240px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5386471319771358978" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh249eNWEnCFdFXANHasKX95_-0p9EIUBnMVu9yaNM69Ea3ri3I2XvQdoaEPlBMqVSC858hz-nSfsdayHuWYNfwOKV20PdGjWtyWrDouupcbKE8Y7d_hAcRBrg48B6YEiwAJTYkmYO9zpM/s320/100_8982.jpg" /></a><br /><br /><br /><p align="left"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEid3V5NqaE2h5RO1P5v5kcXQkVwYPfQ65t8IZgw336aCzJVUuWbAGxcQjMkyZt37P7eUOIKVXK0WAjWZlxzcye7iko9yqEIsqxmyi0tLAadoAp4CNUzL8laQvCzKIbCzpeF-1S9BDx8F2M/s1600-h/100_9050.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 324px; FLOAT: left; HEIGHT: 225px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5386470940420999218" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEid3V5NqaE2h5RO1P5v5kcXQkVwYPfQ65t8IZgw336aCzJVUuWbAGxcQjMkyZt37P7eUOIKVXK0WAjWZlxzcye7iko9yqEIsqxmyi0tLAadoAp4CNUzL8laQvCzKIbCzpeF-1S9BDx8F2M/s320/100_9050.jpg" /></a></p><br /><div><br /><br /><br /></div><br /><div></div><br /><div><br /><br /><br /></div><br /><div><span style="color:#006600;"></span></div><br /><div><span style="color:#990000;">การคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์</span> <span style="color:#006600;">หมายถึงความสามารถในการคิดที่ดึงองค์ประกอบต่าง ๆ มาหลอมรวมกันภายใต้โครงร่างใหม่อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากเดิมการคิดสังเคราะห์ครอบคลุมถึงการค้นคว้า รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะคิดซึ่งมีมากหรือกระจายกันอยู่มาหลอมรวมกัน คนที่คิดสังเคราะห์ได้เร็วกว่าย่อมได้เปรียบกว่าคนที่สังเคราะห์ไม่ได้ ซึ่งจะทำให้เข้าใจและเห็นภาพรวมของสิ่งนั้นได้มากกว่าประเภทการคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ- การคิดสังเคราะห์เพื่อสร้างสิ่งใหม่ เช่น ประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ตามต้องการ- การคิดสังเคราะห์เพื่อสร้างแนวคิดใหม่ เป็นการพัฒนาและคิดค้นแนวคิดใหม่ ถ้าเราสามารถคิดสังเคราะห์ได้ดี จะทำให้พัฒนาความคิดหรือสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมความสำคัญของการคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์มีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการคิด เนื่องจากช่วยจัดระบบข้อมูลให้มีความชัดเจนในประเด็นและเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้มีข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วน ซึ่งมีความสำคัญดังนี้<br />1. ช่วยให้หาทางออกของปัญหาโดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ เราสามารถนำสิ่งที่คนอื่นคิดหรือปฏิบัติมาแล้วมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อม นำมาผสมผสานกันเป็นทางออกในการแก้ปัญหา<br />2. ช่วยให้มีความเข้าใจที่คมชัดและครบถ้วนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ แต่เดิมเรามักจะหาทางออกของปัญหาโดยการเลียนแบบหรือลองผิดลองถูก ทางที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่าคือการใช้การคิดสังเคราะห์เข้ามาช่วยสรุปความรู้ที่กระจัดกระจาย ให้เข้าใจเรื่องได้คมชัดและครบถ้วน<br />3. ช่วยขยายขอบเขตความสามารถของสมองในการพยายามสืบเสาะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่าง ๆ ภายนอกนำมาสังเคราะห์เข้าด้วยกันเพื่อได้แนวทางแก้ปัญหาที่มีความสมบูรณ์ครบถ้วน สามารถนำมาใช้ได้จริง และประสบความสำเร็จ<br />4. ข้อมูลที่สังเคราะห์จะเป็นประโยชน์ในการคิดต่อยอดความรู้ ทำให้ไม่เสียเวลาเริ่มต้นใหม่ คิดต่อยอดได้ทันที นำไปสู่การพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์<br />5. ช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพราะมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องจากการสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดยั้งของมนุษย์<br /></span><span style="font-size:130%;color:#993399;">ขั้นตอนการคิดสังเคราะห์<br /></span><span style="color:#ff6600;">1. กำหนดวัตถุประสงค์ของสิ่งใหม่ที่ต้องการสร้างหรือสังเคราะห์ขึ้น<br />2. ศึกษาส่วนประกอบหรือวิเคราะห์ข้อมูลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์<br />3. เลือกและนำข้อมูลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์มาจัดทำกรอบแนวคิดสำหรับสร้างสิ่งใหม่<br />4. สร้างสิ่งใหม่ตามวัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดที่กำหนดโดยการผสมผสานส่วนประกอบ/ข้อมูลที่เลือกรวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ตามความเหมาะสมและความจำเป็น<br />5. ตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม ปรับปรุงแก้ไข และนำไปใช้ประโยชน์<br /></span><span style="font-size:130%;color:#663366;">ตัวบ่งชี้การคิดสังเคราะห์<br /></span><span style="color:#000066;">1. สามารถกำหนดวัตถุประสงค์ของสิ่งใหม่ที่ต้องการสังเคราะห์<br />2. สามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบหรือข้อมูลที่ต้องการสังเคราะห์<br />3. สามารถเลือกข้อมูลที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการสังเคราะห์<br />4. สามารถสร้างกรอบแนวคิดตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด<br />5. สามารถสร้างสิ่งใหม่ได้ตามวัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดที่กำหนด<br />6. สามารถตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ได้อย่างตรงประเด็น<br />7. สามารถนำสิ่งที่สังเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ได้<br /></span><span style="color:#006600;">ตัวอย่างคำถามหรือคำสั่งที่ต้องใช้การคิดสังเคราะห์<br />· จากที่เรียนมาแล้วเกี่ยวกับ "เสือไม่ทิ้งลาย" ให้นักเรียนวาดภาพที่แสดงความสอดคล้องกับข้อความดังกล่าว<br />· เขียนสรุปสาระสำคัญของสิ่งที่เรียนเป็นแผนผังความคิด<br />· ให้ร่วมกันจัดทำโครงงานจากเรื่องที่เรียนมาแล้ว 1 เรื่อง<br />· จากเนื้อหาที่เรียน นักเรียนคิดว่าควรปฏิบัติตามใคร เพราะเหตุใด<br />· ให้ออกแบบสิ่งของต่าง ๆ จากวัสดุที่มีอยู่<br />· ให้แต่งคำประพันธ์ บทกลอน โคลง ที่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน<br />· ให้ประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุธรรมชาติให้ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด<br />การพัฒนานักคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ และสามารถส่งเสริมได้โดยฝึกดังนี้<br />1. ไม่พอใจสิ่งเดิม ชอบถามหาสิ่งใหม่ ชอบแสวงหา ชอบการเปลี่ยนแปลง<br />2. ไม่นิ่งเฉย ชอบสะสมข้อมูล ทำให้มีวัตถุดิบทางความคิดมากเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการสังเคราะห์สิ่งต่าง ๆ<br />3. มีความเข้าใจและมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ นำมาเชื่อมโยงอย่างสมเหตุและสมผล<br />4. ไม่แปลกแยก ชอบผสมผสาน การผสมผสานองค์ประกอบหรือความคิดที่ดูเหมือนขัดแย้งกันเข้าด้วยกัน โดยผสมผสานอย่างกลมเกลียว และเชื่อมโยงอย่างสมเหตุสมผล<br />5. ไม่คลุมเครือ ชอบความคมชัดในประเด็น เข้าใจว่าแนวความคิดหนึ่งประกอบด้วยประเด็นหลักหรือประเด็นรองอะไรบ้าง ฝึกจับประเด็นบทความ หนังสือ หนังสือพิมพ์<br />6. ไม่ลำเอียง ชอบวางตนเป็นกลาง ไม่อคติต่อข้อมูลที่ได้ ต้องแยกความรู้สึกออกจากข้อเท็จจริง<br />7. ไม่ยุ่งเหยิง ชอบระบบระเบียบ<br />8. ไม่ท้อถอย มีความมานะพากเพียร </span></div><br /><div></div><br /><div><br /><br /></div><br /><div></div></div></div>srisamoothttp://www.blogger.com/profile/03708273636827084385noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1758569351477326642.post-28416075873662008062009-09-28T03:42:00.000-07:002009-09-28T03:47:33.727-07:00การคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์ หมายถึงความสามารถในการคิดที่ดึงองค์ประกอบต่าง ๆ มาหลอมรวมกันภายใต้โครงร่างใหม่อย่างเหมาะสม เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างไปจากเดิมการคิดสังเคราะห์ครอบคลุมถึงการค้นคว้า รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะคิดซึ่งมีมากหรือกระจายกันอยู่มาหลอมรวมกัน คนที่คิดสังเคราะห์ได้เร็วกว่าย่อมได้เปรียบกว่าคนที่สังเคราะห์ไม่ได้ ซึ่งจะทำให้เข้าใจและเห็นภาพรวมของสิ่งนั้นได้มากกว่าประเภทการคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ- การคิดสังเคราะห์เพื่อสร้างสิ่งใหม่ เช่น ประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ตามต้องการ- การคิดสังเคราะห์เพื่อสร้างแนวคิดใหม่ เป็นการพัฒนาและคิดค้นแนวคิดใหม่ ถ้าเราสามารถคิดสังเคราะห์ได้ดี จะทำให้พัฒนาความคิดหรือสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมความสำคัญของการคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์มีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการคิด เนื่องจากช่วยจัดระบบข้อมูลให้มีความชัดเจนในประเด็นและเป็นระเบียบมากขึ้น ทำให้มีข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วน ซึ่งมีความสำคัญดังนี้<br />1. ช่วยให้หาทางออกของปัญหาโดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ เราสามารถนำสิ่งที่คนอื่นคิดหรือปฏิบัติมาแล้วมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งที่เกี่ยวข้องโดยตรงและโดยอ้อม นำมาผสมผสานกันเป็นทางออกในการแก้ปัญหา<br />2. ช่วยให้มีความเข้าใจที่คมชัดและครบถ้วนเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ แต่เดิมเรามักจะหาทางออกของปัญหาโดยการเลียนแบบหรือลองผิดลองถูก ทางที่ดีกว่าและปลอดภัยกว่าคือการใช้การคิดสังเคราะห์เข้ามาช่วยสรุปความรู้ที่กระจัดกระจาย ให้เข้าใจเรื่องได้คมชัดและครบถ้วน<br />3. ช่วยขยายขอบเขตความสามารถของสมองในการพยายามสืบเสาะแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่าง ๆ ภายนอกนำมาสังเคราะห์เข้าด้วยกันเพื่อได้แนวทางแก้ปัญหาที่มีความสมบูรณ์ครบถ้วน สามารถนำมาใช้ได้จริง และประสบความสำเร็จ<br />4. ข้อมูลที่สังเคราะห์จะเป็นประโยชน์ในการคิดต่อยอดความรู้ ทำให้ไม่เสียเวลาเริ่มต้นใหม่ คิดต่อยอดได้ทันที นำไปสู่การพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์<br />5. ช่วยให้เกิดการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพราะมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องจากการสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดยั้งของมนุษย์<br />ขั้นตอนการคิดสังเคราะห์<br />1. กำหนดวัตถุประสงค์ของสิ่งใหม่ที่ต้องการสร้างหรือสังเคราะห์ขึ้น<br />2. ศึกษาส่วนประกอบหรือวิเคราะห์ข้อมูลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์<br />3. เลือกและนำข้อมูลที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์มาจัดทำกรอบแนวคิดสำหรับสร้างสิ่งใหม่<br />4. สร้างสิ่งใหม่ตามวัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดที่กำหนดโดยการผสมผสานส่วนประกอบ/ข้อมูลที่เลือกรวมทั้งข้อมูลอื่น ๆ ตามความเหมาะสมและความจำเป็น<br />5. ตรวจสอบความถูกต้อง เหมาะสม ปรับปรุงแก้ไข และนำไปใช้ประโยชน์<br />ตัวบ่งชี้การคิดสังเคราะห์<br />1. สามารถกำหนดวัตถุประสงค์ของสิ่งใหม่ที่ต้องการสังเคราะห์<br />2. สามารถวิเคราะห์ส่วนประกอบหรือข้อมูลที่ต้องการสังเคราะห์<br />3. สามารถเลือกข้อมูลที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการสังเคราะห์<br />4. สามารถสร้างกรอบแนวคิดตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด<br />5. สามารถสร้างสิ่งใหม่ได้ตามวัตถุประสงค์และกรอบแนวคิดที่กำหนด<br />6. สามารถตรวจสอบความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ได้อย่างตรงประเด็น<br />7. สามารถนำสิ่งที่สังเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ได้<br />ตัวอย่างคำถามหรือคำสั่งที่ต้องใช้การคิดสังเคราะห์<br />· จากที่เรียนมาแล้วเกี่ยวกับ "เสือไม่ทิ้งลาย" ให้นักเรียนวาดภาพที่แสดงความสอดคล้องกับข้อความดังกล่าว<br />· เขียนสรุปสาระสำคัญของสิ่งที่เรียนเป็นแผนผังความคิด<br />· ให้ร่วมกันจัดทำโครงงานจากเรื่องที่เรียนมาแล้ว 1 เรื่อง<br />· จากเนื้อหาที่เรียน นักเรียนคิดว่าควรปฏิบัติตามใคร เพราะเหตุใด<br />· ให้ออกแบบสิ่งของต่าง ๆ จากวัสดุที่มีอยู่<br />· ให้แต่งคำประพันธ์ บทกลอน โคลง ที่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน<br />· ให้ประดิษฐ์สิ่งของจากวัสดุธรรมชาติให้ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด<br />การพัฒนานักคิดสังเคราะห์การคิดสังเคราะห์เป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ และสามารถส่งเสริมได้โดยฝึกดังนี้<br />1. ไม่พอใจสิ่งเดิม ชอบถามหาสิ่งใหม่ ชอบแสวงหา ชอบการเปลี่ยนแปลง<br />2. ไม่นิ่งเฉย ชอบสะสมข้อมูล ทำให้มีวัตถุดิบทางความคิดมากเพียงพอที่จะนำไปใช้ในการสังเคราะห์สิ่งต่าง ๆ<br />3. มีความเข้าใจและมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่าง ๆ นำมาเชื่อมโยงอย่างสมเหตุและสมผล<br />4. ไม่แปลกแยก ชอบผสมผสาน การผสมผสานองค์ประกอบหรือความคิดที่ดูเหมือนขัดแย้งกันเข้าด้วยกัน โดยผสมผสานอย่างกลมเกลียว และเชื่อมโยงอย่างสมเหตุสมผล<br />5. ไม่คลุมเครือ ชอบความคมชัดในประเด็น เข้าใจว่าแนวความคิดหนึ่งประกอบด้วยประเด็นหลักหรือประเด็นรองอะไรบ้าง ฝึกจับประเด็นบทความ หนังสือ หนังสือพิมพ์<br />6. ไม่ลำเอียง ชอบวางตนเป็นกลาง ไม่อคติต่อข้อมูลที่ได้ ต้องแยกความรู้สึกออกจากข้อเท็จจริง<br />7. ไม่ยุ่งเหยิง ชอบระบบระเบียบ<br />8. ไม่ท้อถอย มีความมานะพากเพียรsrisamoothttp://www.blogger.com/profile/03708273636827084385noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1758569351477326642.post-65624531934270054122009-09-18T23:26:00.000-07:002009-10-03T23:14:48.749-07:00โรงเรียนบ้านนามูลตุ่น<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFD-8b3Qx_8oAQ69ffAq-khmUmhTQFtJtUlqCF4lwiSKVkJADvB8_ikSrWBx0ea3dTg8YfCvxWpC9YmWwny30II9kfhBuRBzSmGo0QeCQwgNsw2K3VhunuGnpGDGxo_4qIJ1kj7wBK1AI/s1600-h/sri12.jpg"><span style="font-family:webdings;"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 125px; FLOAT: left; HEIGHT: 146px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383064131588356866" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhFD-8b3Qx_8oAQ69ffAq-khmUmhTQFtJtUlqCF4lwiSKVkJADvB8_ikSrWBx0ea3dTg8YfCvxWpC9YmWwny30II9kfhBuRBzSmGo0QeCQwgNsw2K3VhunuGnpGDGxo_4qIJ1kj7wBK1AI/s320/sri12.jpg" /></span></a><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjftacyo-C5BzM3Xp2ufoX9MpwNxmjulYcMqcTJT6q6-zfzD_ZZa2Ctpcdr7z_k8SeM5otXSynZvuAcPwn25caDYKfQ0QpjN2Lck8Pq9R5Wulk_Xk7moJTu8pCElU78HsvjqzewAbHNeRs/s1600-h/sri12.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 125px; FLOAT: left; HEIGHT: 146px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383063528782631234" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjftacyo-C5BzM3Xp2ufoX9MpwNxmjulYcMqcTJT6q6-zfzD_ZZa2Ctpcdr7z_k8SeM5otXSynZvuAcPwn25caDYKfQ0QpjN2Lck8Pq9R5Wulk_Xk7moJTu8pCElU78HsvjqzewAbHNeRs/s320/sri12.jpg" /></a><br /><br /><div><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6oYMnBs0SoZuG2Ux6HN27uz8AqAXjgDv77y9jnMd5PFSJQuVb51qN4rH7E_IMuQFTMIrnimqh5AJ5NhET2KfX6IXGxOAA-4tmaGzJo35eInTC8dJpeuU5u4UTIp5bNvfpyLiMvU_cowI/s1600-h/intro.jpg"><img style="MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 320px; FLOAT: left; HEIGHT: 160px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5383062156885514466" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6oYMnBs0SoZuG2Ux6HN27uz8AqAXjgDv77y9jnMd5PFSJQuVb51qN4rH7E_IMuQFTMIrnimqh5AJ5NhET2KfX6IXGxOAA-4tmaGzJo35eInTC8dJpeuU5u4UTIp5bNvfpyLiMvU_cowI/s320/intro.jpg" /></a><br /><br /><br /><div><span style="color:#000066;">บทที่ 1 ข้อมูลพื้นฐาน</span><br /><br /><span style="color:#660000;">1. ข้อมูลทั่วไป<br />ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนบ้านนามูลตุ่น ตั้งอยู่เลขที่ 140 ตำบลห้วยสีเสียด<br />อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย รหัสไปรษณีย์ 42230 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเลย เขต 2<br /></span>เปิดสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัย ถึงระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน<br />(อนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3)<br /><span style="color:#006600;">เขตพื้นที่บริการ 4 หมู่บ้าน ได้แก่<br />หมู่ที่ 5 บ้านนามูลตุ่น<br />หมู่ที่ 6 บ้านนาเจริญ<br />หมู่ที่ 7 บ้านใหม่ศรีชมภู<br />หมู่ที่ 8 บ้านนาหนองทุ่ม<br /></span><span style="color:#990000;">2. ข้อมูลด้านการบริหาร </span><span style="color:#990000;"><br />2.1 ชื่อ-สกุลผู้บริหาร นายศรีสมุทร กัลป์ชัย วุฒิการศึกษาสูงสุดปริญญาการศึกษาบัณฑิต วิชาเอก สาขาฟิสิกส์ วิชาโท คณิตศาสตร์ และประกาศนียบัตรบัณฑิตบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย<br />ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2530 และในวันที่ 30 มีนาคม2540 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนามูลตุ่น จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 22 ปี 3เดือน<br /></span><span style="color:#003300;">2.2 ประวัติโดยย่อ คำขวัญ และวัตถุประสงค์เฉพาะของสถานศึกษา<br />ประวัติโดยย่อโรงเรียนบ้านนามูลตุ่น<br />โรงเรียนบ้านนามูลตุ่น เดิมชื่อโรงเรียนประชาบาล ตำบลหนองหอย 2 สังกัดตำบลหนองหอย เดิมเป็นโรงเรียนที่นายอำเภอจัดตั้งขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2483 เปิดโรงเรียนครั้งแรกที่วัดศรีจำปา โดยมีนายนิล เสาวดี เป็นครูใหญ่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2495 นายเรียบ สุวรรณภู และนายจำเนียร เป็นสุข พร้อมด้วยราษฎรได้ร่วมมือกันสร้างอาคารชั่วคราวขึ้น ในที่ดินของโรงเรียน ค่าก่อสร้าง 708 บาท จากนั้นได้ย้ายจากวัดมาโรงเรียนวันที่ 17 พ.ค. 2495 เป็นวันแรก<br />ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2500 คณะครูมี นายเรียบ สุวรรณภู ครูใหญ่ นายจำเนียร เป็นสุข นายเล็ก พลวิเศษ พร้อมราษฎรได้ร่วมมือกันสร้างอาคารถาวร ตามแบบ ป.1 ขึ้น เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2502 จำนวน 2 ห้องเรียน ในการนี้คณะครู ผู้ใหญ่บ้าน ราษฎร ได้เสียสละเงินส่วนตัว 3,222 บาท และทางราชการได้มี<br />นายศักดิ์ วิวัฒนปทุม ขอเงินจากทางราชการสมทบอีก 20,000 บาท<br />ใน พ.ศ. 2505 ทางการได้ให้เงินสมทบอีก 1.300 บาท โดยมีนายเรียบ สุวรรณภู นายเล็ก พลวิเศษ และนายแว่น หมอยา ได้จัดทำประตู หน้าต่าง เป็นที่เรียบร้อย เป็นแบบอาคารถาวร ต่อมาโรงเรียนแห่งนี้ จึงได้ขื่อว่า โรงเรียนบ้านนามูลตุ่น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2505 เป็นต้นมา<br />ปี พ.ศ. 2500 – 2519 นายเรียบ สุวรรณภู ดำรงตำแหน่งครูใหญ่<br />ปี พ.ศ. 2519 – 2527 นายเล็ก พลวิเศษ ดำรงตำแหน่งครูใหญ่<br />ปี พ.ศ. 2527 – 2530 นายสุธรรม สิงห์สถิต ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่<br />ปี พ.ศ. 2530 – 2540 นายศรีสมุทร กัลป์ชัย ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่<br />ปี พ.ศ. 2540 - ปัจจุบัน นายศรีสมุทร กัลป์ชัย ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน<br />เขตบริการของโรงเรียน โรงเรียนบ้านนามูลตุ่นให้บริการการศึกษาให้กับประชาชนในเขตพื้นที่ 4 หมู่บ้าน คือ<br />1. บ้านนามูลตุ่น หมู่ที่ 5 ต. ห้วยสีเสียด อ. ภูหลวง จ. เลย<br />2. บ้านนาเจริญ หมู่ที่ 6 ต. ห้วยสีเสียด อ. ภูหลวง จ. เลย2<br />3. บ้านใหม่สีชมภู หมู่ที่ 7 ต. ห้วยสีเสียด อ. ภูหลวง จ. เลย<br />4. บ้านนาหนองทุ่ม หมู่ที่ 8 ต. ห้วยสีเสียด อ. ภูหลวง จ. เลย<br /></span><span style="color:#993399;">สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่เลขที่ 140 หมู่ 6 บ้านนาเจริญ ตำบลห้วยสีเสียด อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย<br />รหัสไปรษณีย์ 42230<br />เนื้อที่ 14 ไร่ 3 งาน 6.4 ตารางวา กรรมสิทธิ์ในการถือครอง เป็นที่ราชพัสดุ<br /></span><br /><span style="color:#ff0000;">ปรัชญาของโรงเรียน คือ นัตถิ ปัญญา สมา อาภา หมายถึง แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี<br />สีประจำโรงเรียน คือ สีน้ำเงิน - ขาว<br />คำขวัญโรงเรียน คือ เรียนดี มีวินัย ใฝ่ศึกษา รู้ค่างาน </span></div></div></div>srisamoothttp://www.blogger.com/profile/03708273636827084385noreply@blogger.com0